บ้านเขตร้อนชื้น
บ้านเขตร้อนชื้น ปล่อยให้ธรรมชาติ ก้าวล้ำมาสู่พื้นที่ส่วนตัวของครอบครัวบ้าน Modern Tropical นั้น ออกแบบโดยคำนึงถึงสภาพอากาศและภูมิประเทศเป็นปัจจัยหลัก จึงเน้นสร้างสเปซที่โปร่งโล่งขนาดใหญ่ เพื่อลดความร้อนอบอ้าวที่สะสมอยู่ในอาคารให้มากที่สุด ใช้วัสดุธรรมชาติที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น อย่างไม้ แผ่นหิน ในงานออกแบบทั้งในส่วนของโครงสร้าง เพราะนอกจากมีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนได้แล้ว ยังช่วยเติมบรรยากาศผ่อนคลาย ให้ความรู้สึกใกล้ชิดเป็นเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ อีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญคือ “น้ำ” ที่ควรต้องมีเพื่อกระจายความสดชื่นเย็นสบายเข้าสู่ตัวบ้าน เนื้อหานี้ “บ้านไอเดีย” มีอีกหนึ่งแบบบ้านเขตร้อน ซึ่งอยู่ในประเทศเวียดนามใกล้ ๆ บ้านเรามาฝากกันครับ
โมเดิร์นทรอปิคัลคืออะไร
หากกล่าวถึงสถาปัตยกรรมสไตล์ โมเดิร์น ทรอปิคัล (Modern Tropical) นั้นจริงๆ แล้วเป็นการออกแบบที่มีเรื่องของสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศเป็นปัจจัยหลัก โดยส่วนใหญ่พื้นที่บ้านเรือนในแถบเส้นศูนย์สูตร (Tropical Zone) จะต้องพบเจอกับอากาศร้อนชื้น อบอ้าว ซึ่งการออกแบบที่อยู่อาศัยนั้นจึงจำเป็นจะต้องผสานพื้นที่อยู่อาศัยและธรรมชาติแวดล้อมให้ไปด้วยกันอย่างลงตัว พื้นที่จะต้องเปิดโล่งรับลม หรือสรรหาวัสดุท้องถิ่นมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาทิ ไม้ ไม้ไผ่ หวาย หรือต้นไม้ก็ตาม
แต่ก็ใช่ว่าพื้นที่เขตร้อนชื้นจะมีแต่ประเทศในภูมิภาคบ้านเราทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น เพราะยังมีเมืองอื่นๆ อยู่มากมายทั่วโลกที่มีการดีไซน์ที่อยู่อาศัยในลักษณะนี้เช่นกัน แต่จะต่างกันไปด้วยเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละพื้นที่ ทั้งในเรื่องของการออกแบบ วัฒนธรรม และสิ่งที่สรรหาได้จากท้องถิ่น
Nature Home บ้านเขตร้อนชื้น เปิดโปร่งลดร้อน
บ้าน 2 ชั้นสวยแบบร่วมสมัยหลังนี้ ตั้งอยู่ในเขตเมืองใหม่บนถนนที่ขยายออกไปใน Hoa Phong, Viet tri City, จังหวัด Phu Tho ประเทศเวียดนาม อาคารที่มีด้านหน้าทางตะวันออกเฉียงใต้ติดกับถนน และด้านหลังทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดถนน 12.5 เมตร. ด้านข้างของบ้าน 3 ด้าน จึงได้รับผลกระทบจากแสงแดดตั้งแต่ช่วงเช้าถึงบ่ายแก่ ๆ จะดีจนถึงเช้าถึงบ่ายแก่ ๆ ดังนั้นการวางกลยุทธ์สำหรับปกป้องบ้านจากความร้อน ต้องประกอบด้วยหลาย ๆ องค์ประกอบทั้งภายในและภายนอก เช่น ใส่ฉนวนกันความร้อน, การระบายอากาศตามธรรมชาติ, การประหยัดพลังงาน การปลูกต้นไม้และใส่ความเย็นจากน้ำเข้าไปในบ้าน เป็นต้น
แนวคิดการดีไซน์ที่ผ่านการทำความเข้าใจบริบทของธรรมชาติรอบ ๆ รวมไปถึงสภาพอากาศในพื้นที่เป็นอย่างดี จึงเลือกตีโจทย์บ้านออกมาในสไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล ที่ออกแบบอาคารให้ชัดเจนแบบน้อยแต่มาก และใส่ฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศทั้งความร้อนและไม่ลืมรับมือความชื้นจากฝนด้วย จึงเน้นใส่พื้นที่สีเขียว ติดตั้งช่องเปิดขนาดใหญ่ทั้งหระตูหรือบานหน้าต่างเรียงรายเต็มพื้นที่ผนังทั้งชั้นบนและชั้นล่าง จึงรับอากาศภายนอกเข้าไปถ่ายเทไหลเวียนภายใน ลดความชื้น ลดอบอ้าว ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า เพื่อให้บ้านเย็นอย่างยั่งยืนด้วยตัวเองให้มากที่สุด
อีกด้านหนึ่งของบ้านที่ชั้น 2 ยกตัวขึ้นสูงเหมือนบ้านมีใต้ถุนแบบโบราณ ซึ่งทำให้ลมพัดผ่านการระบายอากาศใต้อาคารทำได้ดี จึงไม่มีความชื้นสะสมใต้อาคาร ใต้ถุนบ้าน เป็นพื้นที่กึ่งภายในและภายนอก ที่มีความร่มบังแดดได้ด้วยและมีลมพัดผ่าน จึงเหมาะกับภูมิอากาศของไทยที่ร้อนชื้น นอกจากจะดีต่อเรื่องการระบายอากาศแล้วยังใช้จอดรถ หรือทำกิจกรรมต่างๆ ตามที่ครอบครัวชื่นชอบได้
ตัวอาคารทั้งหมดแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ด้านหน้ามี 2 ชั้น ส่วนด้านในเป็นอาคาร 3 ชั้น ทั้งหมดคั่นกลางด้วยที่ว่างและสวน สำหรับชั้นล่างวัสดุที่ใช้สำหรับภายในและภายนอก เป็นการรวมกันของผนังหินชนวนธรรมชาติความหนา 450 มม. เข้ากับผนังก่ออิฐฉาบ ผนังนี้ไม่เพียง แต่จะสร้างภาพที่มั่นคงสำหรับอาคาร แต่ยังเป็นฉนวนป้องกันความร้อนที่มีประสิทธิภาพให้กับบ้านด้วย
ใส่สวนกลางบ้าน มีบ่อปลาและน้ำตกกระจายความเย็น
หลังคาทั้งหมดของบ้านเป็นหลังคาเรียบ (flat roof) แต่จะมีส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ปิดทึบ แต่ออกแบบให้เป็นโครงสร้างแนวตั้งที่เปิดโล่งออกสู่ท้องฟ้า เป็นหลังคาในส่วนสวนที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งเป็นวิธีการที่สถาปนิกจะวางสวนให้ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปภายในตัวอาคารอย่างแนบเนียน สวนที่จัดในสไตล์ทรอปิคอล เน้นความเขียวขจีของสวนด้วยไม้ใบเขียว ให้ความรู้สึกของป่าเขตร้อนชื้น
ตกแต่งด้วยหินและกรวด เพิ่มความสดชื่นให้กับบ้านด้วยการทำน้ำตกเลียนแบบธรรมชาติ ที่ปล่อยให้้ำหลลงมาในสระที่เลี้ยงปลาคาร์พหลากหลายสีแหวกว่าย นอกจากจะได้ความสบายตาแล้ว ละอองน้ำยังกระจายความสดชื่นเข้าสู่ตัวบ้าน ช่วยลดความอบอ้าวได้อีกทาง ตรงส่วนนี้จะมีรางน้ำจะรวบรวมน้ำทั้งหมดลงในถังด้านล่างและน้ำเสียจากบ่อปลาคราฟเพื่อนำกลับมาใช้รดน้ำในสวนได้อีก
ประตูกระจกในหลาย ๆ ห้องของบ้านที่พับเก็บเข้าผนังได้จนหมด ทำให้บ้านเหมือนไร้ผนังเปิดรับความสดชื่นเข้ามาได้เต็มที่ทุกเวลาที่ต้องการ ซึ่งไม่เพียงแต่เปิดรับอากาศให้ไหลเวียนเท่านั้น แต่ยังเชื่อมต่อพื้นที่กลางแจ้งกับภายในเข้าด้วยกัน และพื้นที่แต่ละอาคารของบ้านให้ไหลลื่นและมีขนาดใหญ่ขึ้น
จากห้องทานอาหาร และครัว สามารถมองออกไปเห็นห้องนั่งเล่นอีกฝั่งหนึ่งของอาคาร และยังมีโถงทางเดินเล็ก ๆ นำทางเข้าไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของบ้าน ทุกส่วนของอาคารจึงมีความเชื่อมโยงถึงกันได้หมดอย่างไม่ขาดตอน
โถงบันไดในบ้านและลักษณะบันไดที่โปร่ง ๆ ไม่มีลูกตั้ง ทำให้อากาศจากชั้นล่างไหลเวียนตามช่องว่างขึ้นมาสู่ชั้นบน และออกไปจากตัวบ้านได้ง่าย อากาศในบ้านจึงถ่ายเทได้ดีโดยแทบไม่มีอุปสรรคกั้นลม
แม้แต่ในห้องนอนชั้นบนที่ไม่ติดกับพื้นดิน ก็ต้องไม่พลาดที่จะรับบรรยากาศธรรมชาติให้เข้ามาแนบชิดยิ่งกว่า ด้วยการจัดสวนเล็ก ๆ เอาไว้ในพื้นที่ว่างระหว่างฟาซาดกับห้องนอน แล้วติดผนังกระจกเชื่อมต่อพื้นที่ให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่าจะตื่นนอนหรือเข้านอนก็สดชื่นผ่อนคลายได้ทุกช่วงเวลาไตล์โมเดิร์นทรอปิคอล
มุมมองจากด้านหน้าของบ้านจะเห็นว่าบ้านหลังนี้มีช่องว่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นช่องว่างระหว่างแท่งคอนกรีตในส่วนรั้ว ช่องว่างที่ผนังชั้นล่าง ประตูบานเกล็ดโปร่ง ๆ ชั้นบน ภายในมีช่องว่างระหว่างทางเดินกับตัวอาคาร หรือจะเป็นภายในห้องต่าง ๆ ซึ่งช่องว่างที่ทำให้บ้านดูหลวมๆ ไม่อึดอัด หายใจได้สบายและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เก็บความร้อน จึงรับมือกับฤดูร้อนได้อย่างดี
ความลงตัวของสีสัน จัดจ้านหรือเรียบนิ่ง
หากคุณเบี้ยน้อยหน่อย แต่อยากแจมความทรอปิคัล ลองเริ่มต้นจากอะไรง่ายๆ และใช้เงินไม่เยอะ เริ่มต้นจากการลองเปลี่ยนผ้าคลุมโซฟา หมอน เก้าอี้ หรือโต๊ะ เลือกหาลวดลายที่เป็นลายพิมพ์แพตเทิร์นที่เป็นรูปต้นไม้ใบหญ้า ดอกไม้ หรือเน้นโทนสีจัดๆ เข้าว่า ทั้งสีเขียว ฟ้า หรือส้ม เลือกให้ตัดกับเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่นๆ ที่คุณมี เน้นสร้างบรรยากาศห้องให้เกิดโทนความเข้มและความอ่อนผสมปนเปในห้องเดียวกัน (ตลาดผ้าอันโด่งดังอย่างพาหุรัดมีลวดลายให้คุณเลือกเพียบ ไม่เช่นนั้นลองเดินไปโซนผ้าของอิเกียก็น่าสนใจ)
พาธรรมชาติเข้าสู่บ้าน
อีกหนึ่งเอกลักษณ์ของการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นทรอปิคัล คือการทำให้บ้านเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของธรรมชาติ สร้างพื้นที่ให้ทั้งภายนอกภายในกลายเป็นสิ่งเดียวกัน และคงไม่มีอะไรจะง่ายไปกว่าการสรรหาต้นไม้ใบสวยๆ สักต้นสองต้นมาไว้ในห้องของคุณ อย่างต้นจั๋ง ต้นไทรใบเล็ก ต้นหมากผู้หมากเมีย หรือต้นฟิโลเดนดรอน (ที่หน้าตาคล้ายใบมะละกอ) มาวางไว้มุมใดมุมหนึ่งในห้อง ช่วยเสริมบรรยากาศหน้าร้อนได้อย่างดี และโดยเฉพาะต้นไทรใบเล็กนั้นไม่ต้องการน้ำมากและยังดูแลรักษาง่าย