แบบบ้านพูลวิลล่าโมเดิร์น สวยๆ
แบบบ้านพูลวิลล่าโมเดิร์น สวยๆ แบบบ้านพูลวิลล่า เป็นบ้านที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ได้อารมณ์เหมือนกำลังพักผ่อนในรีสอร์ต คงจะดีถ้าเรานำเอาสระว่ายน้ำมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้าน ที่ทำให้เราได้ปล่อยใจจอยๆได้ 365 วัน ในแบบที่ไม่ต้องออกเดินทางไปไหนเลย มาดูบ้านสวยที่ให้ฟีลเหมือนพูลวิลล่าในรีสอร์ตที่น่าพักผ่อนกัน
บ้านสีขาวริมทะเลสไตล์ Mid-century Modern
- เจ้าของ-ออกแบบ : คุณนัฐวุฒิ พูนพิริยะ และคุณจุฬารัตน์ หาญรุ่งโรจน์
แบบบ้านพูลวิลล่า ที่แม้จะไม่ได้อยู่ติดทะเล แต่มีฉากหลังเป็นภูเขาและอยู่ในความรู้สึกของบ้านชายทะเล เจ้าของบ้านจึงเห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะแต่งบ้านแบบปาล์มสปริงที่มีมู้ดของสไตล์ Mid-century Modern ซึ่งเน้นรูปฟอร์มเรขาคณิตอันเรียบง่ายผสมไปกับความอบอุ่นของงานไม้แบบเอิร์ธโทน พร้อมออกแบบให้พื้นที่ส่วนใหญ่ในบ้านเปิดออกรับวิวสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็นมุมกิจกรรมที่สร้างความผ่อนคลายให้ครอบครัว
“มันมาจากความรู้สึกที่อยู่ในใจตั้งแต่เด็กว่าครอบครัวเราโตมาในบ้านทาวน์เฮ้าส์ที่เล็กมากราวๆ 20 ตารางวาแต่อยู่กันร่วม 6 คน สิ่งที่ติดอยู่ในใจมาตลอดคือพ่อกับแม่อยากมีบ้านหลังใหญ่ๆ ไว้อยู่ด้วยกัน พอมาถึงวันหนึ่งผมเลยคิดอยากสร้างบ้านต่างจังหวัดที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นัก เพราะด้วยงบประมาณที่มีคงยากที่จะสร้างบ้านหลังใหญ่ในกรุงเทพฯ
ก็เลยคิดถึงหัวหินซึ่งเป็นเมืองที่เราชอบตั้งแต่วัยรุ่นและมีภาพความทรงจำที่พ่อแม่ขับรถพามาเที่ยวอยู่ด้วย ตอนแรกมองหาที่ดินเปล่าสำหรับสร้างบ้านแต่คิดว่าต้องใช้เวลานานมากๆ แน่ ก็เปลี่ยนมาดูพวกบ้านจัดสรร ซึ่งก็ไม่ค่อยชอบเท่าไร เพราะอยากมีดีไซน์เป็นของตัวเองด้วย จนมาเจอที่นี่เป็นโครงการบ้านที่ยินดีให้ตกแต่งภายในเองได้หมด เท่านั้นแหละ ผมชอบเลย”
หลังจากที่ดูโครงสร้างบ้านซึ่งเป็นบ้านชั้นเดียวสีขาวแม้จะไม่ได้อยู่ติดทะเล แต่มีฉากหลังเป็นภูเขาและอยู่ในความรู้สึกของบ้านชายทะเล คุณบาสกับแฟนสาว คุณขิม-จุฬารัตน์ หาญรุ่งโรจน์ จึงเห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะแต่งบ้านแบบปาล์มสปริงที่มีมู้ดของสไตล์ Mid-century Modern ซึ่งเน้นรูปฟอร์มเรขาคณิตอันเรียบง่ายผสมไปกับความอบอุ่นของงานไม้แบบเอิร์ธโทน
“เราหาข้อมูลกันเลยว่าหัวใจการออกแบบบ้านสไตล์ Mid-century Modern คืออะไร ซึ่งการแต่งบ้านแบบคนทำหนังก็คือมองเป็นอาร์ตไดเร็กชั่นแบบเฟรมภาพ และนึกถึงโจทย์แรกก็คืออยากทำบ้านให้พ่อแม่อยู่ มีอะไรบ้างที่เขาชอบก็เอามาผสมผสานกับสิ่งที่เราชอบ อย่างตอนแรกว่าจะเล่นสเต็ปในบ้านและทำโซฟาหลุมแต่พอมาคิดๆ ดูก็ตัดออก เพราะห่วงแม่ที่เข่าไม่ดีคงจะลำบากเลยมาจบที่โซฟาหนังสีน้ำตาลตัวใหญ่นั่งได้หลายคน
แล้วยังมีผนังหินกาบที่พ่อชอบพูดถึงเวลาดูในหนังฝรั่ง ส่วนโต๊ะกินข้าวที่เป็นไม้สักทองขนาดยาวนี่เป็นความชอบของผมเอง รวมไปถึงการเปิดฝ้าเพดานเปลือยเพราะมาเห็นช่างกำลังกรุฝ้าอยู่ครึ่งหนึ่ง แล้วเห็นว่าฝ้าเปลือยแบบลอฟต์มันเท่ดีเลยขอให้เขารื้อฝ้าออกทั้งหมด คือถึงแม้ในระดับสายตาจะเป็น Mid-century Modernแต่พอเงยหน้าไปแล้วมันคือลอฟต์ที่เป็นตัวตนของผมเลย” พูลวิลล่าสไตล์ลอฟท์
คุณขิมช่วยเล่าต่ออีกว่า “เราใช้วิธีเลือกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ก่อนแล้วค่อยๆ เติมชิ้นเล็กเข้าไปค่ะ พอมาถึงโต๊ะกินข้าวนี่ พี่บาสชอบไม้แผ่นนี้มาก ไม่ปรับแต่งอะไรเลย ปล่อยให้มีร่องรอยตามเดิมแล้วหาตอไม้มาประกอบส่วนขาเพิ่มเข้าไป ส่วนใหญ่เราชอบซื้อของมือสองซึ่งมันจะคิดนานไม่ได้ พอเจอแล้วชอบก็ต้องซื้อไว้เลย แต่ถ้าเอามาลองจัดวางแล้วไม่ได้จริงๆ ก็จะปล่อยขายต่อไป ซึ่งก็มีเยอะอยู่ค่ะ (หัวเราะ) ตอนนี้มุมโต๊ะกินข้าวกลายเป็นมุมที่ขิมชอบนั่งมากที่สุด ชอบความรู้สึกของการอยู่รวมๆ กันในครอบครัวที่มุมนี้ ซึ่งเป็นทั้งโต๊ะกินข้าว ทำงาน นั่งคุย นั่งเล่น มองเห็นความเคลื่อนไหวรอบตัวและมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ตลอด”
เพื่อผสมความเป็นลอฟต์ที่ชอบ ยังมีการเปลี่ยนวัสดุกรอบประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมเดิมให้เป็นกรอบเหล็กและขยายให้กว้างจนสุดขอบผนังเพื่อรับแสงธรรมชาติและเชื่อมต่อมุมมองภายในออกไปสู่เฉลียงซึ่งมีสระว่ายน้ำส่วนตัวได้กว้างเต็มตา
ขณะที่ส่วนของแพนทรี่นั้นเบรกความขาวของพื้นที่ในบ้านไว้ด้วยโทนสีดำทั้งผนังกรุกระเบื้องเล่นลวดลายทรงกลมกับเคาน์เตอร์ไอส์แลนด์สีดำท็อปด้วยหินเทียมสีดำอย่างกลมกลืน “เราไม่ค่อยเน้นทำอาหารหนัก ก็เลยแต่งครัวให้มินิมัลในโทนสีดำและโชว์ฟอร์มกระเบื้องไปเลย”
ของแต่งบ้านที่ขาดไม่ได้เลยก็คือโปสเตอร์หนังที่คุณบาสชอบและเริ่มสะสมมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้ส่วนนั้นจะเสียหายไปตอนน้ำท่วมบ้านหมดแล้ว แต่กลับมาเริ่มเก็บสะสมใหม่หลังจากได้ไปเจอโปสเตอร์หนังแนววินเทจสวยๆ ที่ฝรั่งเศส แล้วซื้อกลับมาใส่กรอบแต่งผนังที่บ้าน ซึ่งตอนนั้นไม่ค่อยมีที่ให้แขวนสักเท่าไร ขณะที่บ้านนี้มีผนังว่างกว้างๆ ส่วนทางเดินให้แขวนโปสเตอร์เป็นเหมือนแกลเลอรี่หลัก และยังกระจายไปตามผนังส่วนอื่นๆ ของห้องนอน
“เดิมทีบ้านนี้วางผังไว้ให้เป็น 4 ห้องนอน ตอนแรกเราคิดว่ามันเยอะไป คือมีห้องพ่อแม่ที่แต่งสไตล์โมเดิร์นทรอปิคัลเปิดผนังเป็นกระจกโปร่งเพื่อให้มองเห็นวิวสวนเขียวๆ ข้างนอกได้ตามแบบที่เขาชอบ ห้องสีขาวสไตล์มินิมัลนอร์ดิกสำหรับน้องสาวสองคน และห้องนอนหลักของผมกับขิมที่มีความเป็นลอฟต์ๆ หน่อย แล้วปรับอีกห้องให้เป็นห้องทำงานซึ่งตอนแรกมีความเป็น Mid-century Modernชัดมากทั้งโซฟา โต๊ะทำงาน ชั้นหนังสือ และของตกแต่ง แต่พอมีญาติมานอนด้วยเยอะๆ ทำให้เราต้องขายโซฟาทิ้งแล้วเติมเตียงนอนเข้าไปในห้องนี้แทน”
ด้วยเหตุผลที่ทั้งคู่ย้ำมาตลอดว่าทำบ้านเพื่อครอบครัว การปรับฟังก์ชันให้เหมาะกับการใช้งานแบบนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ และนำมาสู่ช่วงเวลาที่คุณขิมเล่าให้ฟังว่า “พี่บาสเคยขนทีมงานมาตัดต่อหนังกันในห้องนี้ค่ะ ขณะที่ขิมกับหลานกำลังเล่นน้ำกันสนุกอยู่ข้างนอก มองเห็นทีมงานทำงานเครียดๆ กันอยู่ข้างใน ก็ได้ความรู้สึกที่แปลกดี ต่างกิจกรรมต่างอารมณ์ แต่เรามองเห็นกันและอยู่ในบ้านเดียวกัน”
“ภาพที่ผมเห็นคือบ้านที่สามารถรวมทุกคนในครอบครัวให้กลับมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันได้อีกครั้งในช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากที่เราเคยอยู่ด้วยกันในทาวน์เฮ้าส์หลังเล็กและแยกย้ายออกไปมีครอบครัวของตัวเอง จนคิดว่าจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้อีกแล้ว ตอนทำบ้านหลังนี้เราก็เก็บเป็นความลับไม่ได้บอกพ่อแม่เลย รอจนทุกอย่างเรียบร้อยและพาเขามาเซอร์ไพร้ส แต่หลอกว่าจะจองที่พักไว้ พอเขามารู้ว่าเป็นบ้านของเรานี่ประทับใจมาก ซึ่งสิ่งนั้นก็เติมเต็มความรู้สึกในใจเราได้ดีมากๆ ด้วยเช่นกัน” บ้านญี่ปุ่น
รอยยิ้มกับแววตาเปี่ยมประกายของ คุณเมย์-ณัฐนนท์ ศรีศรานนท์ มือกลองแห่งวงลาบานูนและ คุณฝ้าย-วรรณิกา ศรีศรานนท์ ผู้เป็นภรรยา บอกถึงพลังความรู้สึกแบบนั้นออกมาได้อย่างชัดเจนและทันทีเมื่อพวกเขามาถึง บ้านสีขาวริมทะเล ขนาด 160 ตารางเมตรที่ชะอำหลังนี้
“เราชอบมาพักผ่อนที่ทะเลกันและก็ฝันอยากมีบ้านริมทะเลมาตลอด โชคดีที่เพื่อนรุ่นพี่เขาทำโครงการบ้านเล็กๆ ขึ้นตรงริมชายหาดชะอำซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก และชวนให้เรามาเป็นเพื่อนบ้านด้วย ครั้งแรกที่มาดูยังเป็นที่เปล่าๆ หญ้ารกๆ แต่แค่เห็นทะเลก็ชอบแล้วนะ เราคิดกันต่อเลยว่าอยากทำบ้านที่มีสเปซโล่งๆ ให้มาทิ้งตัวพักผ่อนได้อย่างมีความสุขและสบายใจที่สุด”
คุณเมย์และคุณฝ้ายจึงนำความคิดนี้ไปบอกเล่าให้ คุณนัท-ณัฐพล แสงทองฉาย สถาปนิกจาก Studio NSD ผู้เป็นน้องชายของเพื่อนสนิทเพื่อให้ช่วยปรับผังบ้านจากโครงการไปเป็นสไตล์มินิมัลที่โล่งสบายตาผสมผสานกับความอบอุ่นของไม้ในกลิ่นอายสแกนดิเนเวีย
จากที่ดินซึ่งเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าทอดยาวจากถนนลงไปถึงริมทะเล มองเห็นตัวบ้านภายนอกที่ดูคล้ายทาวน์เฮ้าส์สีขาวขนาด 2 ชั้นทรงเหลี่ยม คุณนัทได้วางแผนการออกแบบไว้ว่า “เดิมทีผังบ้านนี้เหมือนถูกแยกให้เป็นสองอาคาร ด้านหน้าและด้านหลังเชื่อมด้วยทางเดินแคบๆ ตรงกลาง เพราะออกแบบให้มีพื้นที่คอร์ตเปิดขนาบอยู่ซ้ายขวา ผมเลยเปลี่ยนเอาคอร์ตด้านขวาออกและเก็บเฉพาะคอร์ตด้านซ้ายไว้ เพื่อเพิ่มสเปซใช้งานในบ้านให้เชื่อมต่อถึงกันได้มากขึ้น แล้วปรับคอร์ตด้านขวาให้กลายเป็นช่องสกายไลต์เล็กๆ เพื่อคงแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามาในบ้านไว้อย่างมีมิติ”
นอกจากเปิดสเปซให้กว้างขึ้นแล้ว คุณนัทยังเลือกใช้สีขาวและสีครีมเป็นโทนสีหลักในการตกแต่งเพื่อสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายสบายตา เสริมด้วยสีของไม้ที่มาช่วยลดทอนความสว่างให้ดูอบอุ่นนุ่มนวลขึ้น “ในความขาวผมเติมสีเทาอมเบจไว้ด้วยนิดหน่อยเพื่อให้สีมีวาไรตี้ที่ไม่ราบเรียบเกินไป ส่วนโทนสีไม้ก็เลือกใช้สีเข้มแบบวอลนัทจากตัวเฟอร์นิเจอร์หลักอย่างโต๊ะรับประทานอาหารกลางบ้าน รับกับผนังกรุไม้อัดโอ๊กสีวอลนัทที่ให้ลวดลายสวยกว่าไม้อัดแบบทั่วไป”
จากทางเข้าหน้าบ้านที่เป็นเหมือนสเปซเล็กๆ สำหรับปรับอารมณ์จึงเข้าสู่การเปิดพื้นที่ภายในแบบโอเพ่นแปลน ซึ่งมองเห็นทุกมุมเชื่อมต่อถึงกันได้หมด นั่นทำให้สามารถชื่นชมกับวิวโปร่งๆ จากท้องฟ้าและทะเลได้จากทุกมุม โดยมีฟังก์ชันแรกเป็นส่วนของครัวแพนทรี่เข้ามุมในโทนสีไม้อุ่นๆ และเคาน์เตอร์สไตล์ไอส์แลนด์สำหรับจัดเตรียมอาหาร ต่อเนื่องด้วยโต๊ะรับประทานอาหารขนาดยาว และโซนนั่งเล่นนอนเล่นด้านในสุดที่กั้นด้วยประตูกระจกบานสูงจากพื้นจรดเพดาน ซึ่งสามารถเปิดออกให้กลายเป็นพื้นที่กว้างๆ เชื่อมต่อถึงระเบียงและสระว่ายน้ำด้านนอกได้อย่างสบาย
เพราะเป็นบ้านพักตากอากาศที่ไม่ได้ใช้ชีวิตประจำทุกวัน คุณนัทจึงเพิ่มความสนุกของการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ในบ้านไว้ด้วย “ผมพยายามเลือกให้มีดีไซน์หรือรูปทรงที่พิเศษแตกต่างออกไป อย่างโซฟา แทนที่จะเลือกแบบตัวแอล (L) ก็สั่งทำใหม่เป็นโซฟาเบจทรงโค้งๆ มนๆ จับคู่กับโต๊ะกลางทรงฟรีฟอร์ม อาร์มแชร์สีน้ำตาล หยอดด้วยสตูลสีน้ำเงิน ทุกตัววางลอยๆ ให้เป็นสเปซที่โอบล้อมกันอยู่เพื่อใช้งานร่วมกันได้ และยังมีเดย์เบด์อีกตัวไว้สำหรับนอนดูทะเล พร้อมสเปซว่างๆ ให้ลูกเดินเล่นได้”
คุณเมย์เล่าถึงที่มาของห้องนี้ไว้ว่า “เป็นห้องที่สร้างขึ้นใหม่โดยใช้พื้นที่เหนือโรงจอดรถข้างล่าง เพราะเราอยากได้ห้องบรรยากาศญี่ปุ่นสักห้องมาช่วยเติมเต็มความทรงจำดีๆ ที่เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน และก็ใช้งานได้อเนกประสงค์มากทั้งสันทนาการ ปาร์ตี้ พื้นที่ให้ลูกเล่น และห้องนอนที่ให้แขกปูเบาะนอนได้เต็มที่เลย เพราะทั้งผมและภรรยาเรามีเพื่อนเยอะอยู่แล้วครับ
“ผมชอบที่สเปซในบ้านเชื่อมต่อถึงกันได้หมด ไม่มีพื้นที่ให้ความเหงา เพราะอยู่มุมไหนเราก็คุยกันเห็นกันได้ เช้าๆ ตื่นมานั่งกินกาแฟดูทะเล บ่ายๆ เล่นน้ำ เย็นก็ไปนั่งชมสวนริมทะเล เมื่อก่อนเราต้องคอยจองโรงแรมเพื่อมาพักผ่อน ความที่เป็นนักดนตรีทำให้เวลาว่างของเรามีไม่มากและอาจไม่ตรงกับคนอื่น แต่มีบ้านหลังนี้แล้วรู้เลยว่าว่างเมื่อไรก็มาได้ทันที และทำให้ช่วงเวลาพักผ่อนของครอบครัวเรามีคุณภาพมากขึ้นด้วย”
แล้วภาพของสเปซว่างๆ ในบ้านก็เริ่มเติมเต็มไปด้วยทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของชีวิต ทุกอณูอากาศมีเสียงหัวเราะพูดคุยสลับไปกับเสียงลมทะเล แม้แต่แสงเงาของแดดที่พาดผ่านผนังก็ยังดูสดชื่นพอๆ กับเงาของทะเลสีฟ้าที่สะท้อนเข้ามาถึงภายใน
เรื่อง : ภัทรสิริ โชติพงศ์สันติ์
ภาพ : อนุพงษ์ ฉายสุขเกษม
สไตล์ : พระจันทร์ดวงโบราณ